คำชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอธิบายความหมายของซูเราะฮฺอันนาซิอาต อายะฮฺที่ 30 จากตำราอัฎวาอุ้ลบะยานของเชคมุฮัมมัดอะมีนอัชชังกีฏีย์ และสานต่อการอธิบายจบครบสมบูรณ์โดยเชคอะฏียะฮฺ มุฮัมมัด ซาลิม
บทความโดย อ.ยะห์ยา หัสการบัญชา
(เนื่องจากบทความค่อนข้างยาว ผู้แปลจึงขอแบ่งบทความเป็นสามตอน และจะทยอยลงทีละตอนจนครบ และหลังจากลงจนครบแล้วจะทำการสรุปและแจกไฟล์เอกสารพีดีเอฟสำหรับดาวน์โหลดให้แก่ผู้ที่สนใจเก็บไว้อ่านนะครับ อินชาอัลลอฮฺ)
(ท่านเชคอะฏียะฮฺ ซาลิมได้กล่าวอธิบายว่า) “จากพระดำรัสของอัลลอฮฺที่ตรัสว่า
((وَالْأَرْضَ بَعْدَ ذَلِكَ دَحَاهَا))
ความว่า “และหลังจากนั้นทรงทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบเรียบ” ซูเราะฮฺอันนาซิอาต อายะฮฺที่ 30
ในอายะฮฺนี้ได้บอกให้ทราบว่าอัลลอฮฺทรงทำให้แผ่นดินนั้นแผ่ราบเรียบ และในอีกอายะฮฺหนึ่งได้บอกไว้ว่าอัลลอฮฺทรงทำให้แผ่นดินราบเรียบ และในอีกอายะฮฺหนึ่งบอกไว้ว่าอัลลอฮฺทรงแผ่มันให้ราบเรียบ นั่นก็คืออายะฮฺ
((وَإِلَى الْأَرْضِ كَيْفَ سُطِحَتْ))
ความว่า “และ(พวกเขามิได้พิจารณา)ไปยังแผ่นดินหรอกหรือว่ามันถูกทำให้แผ่ราบไว้อย่างไร” ซูเราะฮฺอัลฆอชิยะฮฺ อายะฮฺที่ 20
และบรรดานักวิชาการด้านตัฟซีร(การอธิบายอัลกุรอาน)ได้มีความเห็นต่างกันในการอธิบายความหมายของคำว่า ((دَحَاهَا)) (อ่านว่า “ดะหาฮา”)
โดยท่านอิบนุกะษีรฺได้กล่าวว่า “คำอธิบายของคำๆนี้(ดะหาฮา)คือ พระดำรัสของอัลลอฮฺในอายะฮฺหลังจากนั้นก็คือ
((أَخْرَجَ مِنْهَا مَاءَهَا وَمَرْعَاهَا وَالْجِبَالَ أَرْسَاهَا))
ความว่า “พระองค์ทรงทำให้น้ำของแผ่นดินผุดออกมาจากมันและทุ่งหญ้าของมันงอกเงยออกมา และทรงทำให้เทือกเขาตั้งมั่นคง” ซูเราะฮฺอันนาซิอาต อายะฮฺที่ 31-32
และนี่คือคำอธิบายของท่านอิบนุญะรีรที่รายงานมาจากท่านอิบนุอับบาส
และท่านอิมามอัลกุรฏุบีย์ได้กล่าวว่า “ดะหาฮา”นั้น หมายถึง (อัลลอฮฺ)ทรงแผ่แผ่นดินให้ราบเรียบ
และชาวอาหรับจะกล่าวว่า ดะฮัชชัยอฺ เมื่อเขาแผ่สิ่งนั้นให้ราบเรียบ
และท่านอบูฮัยยานกล่าวว่า คำว่า”ดะหาฮา”หมายถึง แผ่และปรับมันให้ราบเรียบเหมาะแก่การอยู่อาศัยและพำนักอยู่บนนั้น
จากนั้นท่านก็ได้อธิบายความหมายของคำว่า แผ่และปรับให้ราบเรียบ(อัตตัมฮีด)ด้วยสิ่งที่จำเป็นในการปรับหน้าแผ่นดินนั่นก็คือการให้มีน้ำผุดขึ้นมาจากแผ่นดิน และทำให้ทุ่งหญ้างอกเงยออกมาจากแผ่นดิน รวมถึงทำให้ภูเขาตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง และสิ่งที่ได้กล่าวมานั้นคือการตระเตรียมให้พร้อมสำหรับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตโดยรวมถึงเกลือ อาหารและเครื่องดื่ม และที่กล่าวมานี้คือคำอธิบายของอัซซะมัคชะรีย์
และท่านฟัครุรฺรอซีย์ได้กล่าวว่า “ดะหาฮา” หมายถึง ทำให้มันแผ่ราบ ซึ่งท่านจะพบว่านักอธิบายอัลกุรอานแทบจะทั้งหมดนั้นต่างเห็นพ้องต้องกันว่า”ดะหาฮา”หมายถึง” ทำให้มันแผ่ราบ” ทั้งสิ้น (เนื่องจากมีปราชญ์บางส่วนเห็นว่าความหมายและคำอธิบายของ”ดะหาฮา”อยู่ในอายะฮฺถัดไป ฟัครุรรอซีย์จึงใช้คำว่าแทบจะทั้งหมดเห็นพ้องว่าดะหาฮาหมายถึงทำให้มันแผ่ราบ(อัลบัสฏ์)
และคำอธิบายของท่านอิบนุญะรีรฺ และท่านอิบนุกะษีรฺที่บอกว่า คำว่า”ดะหาฮา”ได้รับการอธิบายความหมายโดยอายะฮฺที่อยู่ถัดไปนั้น ไม่ถือว่าเป็นการขัดแย้งกับความหมายว่า แผ่และปรับผืนแผ่นดินให้ราบแต่อย่างใด
และสิ่งหนึ่งที่ยืนยันว่า คำว่า อัดดะหฺวุ นั้นเป็นที่รู้กันว่าหมายถึง แผ่ให้ราบ ก็คือคำกล่าวของ อิบนุรูมีย์ที่กล่าวว่า
مَا أَنْسَ لَا أَنْسَ خَبَّازًا مَرَرْتُ بِهِ … يَدْحُو الرُّقَاقَةَ وَشْكَ اللَّمْحِ بِالْبَصَرِ
مَا بَيْنَ رُؤْيَتِهَا فِي كَفِّهِ كُرَةً … وَبَيْنَ رُؤْيَتِهَا قَوْرَاءَ كَالْقَمَرِ
إِلَّا بِمِقْدَارِ مَا تَنْدَاحُ دَائِرَةٌ … فِي صَفْحَةِ الْمَاءِ تَرْمِي فِيهِ بِالْحَجَرِ
ความว่า “หากฉันจะลืมแต่จะไม่ลืมช่างขนมปังคนหนึ่งที่ฉันผ่านมา เขานวดแป้ง(ละเอียด) ชั่วพริบตาเดียว
คือแค่เห็นมันเป็นก้อนกลมๆ ในมือเขา ระหว่างที่เห็นมันเป็นรูปกลมๆ ดุจดวงจันทร์นั้น ทันใดก้อนกลมๆนั้นก็ขยายออกไป(ตันดาฮุ) ดุจผิวน้ำที่ขยายออกไปเมือมีการปาก้อนหินลงไป”
และได้เกิดประเด็นขึ้นมาจากอายะฮฺนี้ว่ารูปทรงของโลกนั้นแบนหรือกลม?
ซึ่งเมื่อเราได้กลับไปค้นคว้าตำราภาษาดั้งเดิมเราจะพบ(ความหมายทั้งหมดของคำว่าอัดดะหฺว์ หรือ ดะหาฮา)ดังต่อไปนี้
และได้เกิดประเด็นขึ้นมาจากอายะฮฺนี้ว่ารูปทรงของโลกนั้นแบนหรือกลม? ซึ่งเมื่อเราได้กลับไปค้นคว้าตำราภาษาดั้งเดิมเราจะพบ(ความหมายทั้งหมดทางภาษาของคำว่าอัดดะหฺว์ หรือ ดะหาฮา)ดังต่อไปนี้
อันดับแรก
จากตำรามุฟร่อดาต อัรฺรอฆิบ ได้ให้ความหมาย “ดะหาฮา” ไว้ว่า ขจัดมันให้หายไปจากตำแหน่งและที่ตั้งของมัน เช่น
คำกล่าวของพวกเขา(ชาวอาหรับ)ที่ว่า “สายฝนนั้นได้ขจัดก้อนกรวดให้ออกไปจากพื้นดิน” หมายถึงพัดพามันออกไป
และคำกล่าวของพวกเขา(ชาวอาหรับ)ที่ว่า “ม้าได้วิ่งผ่านมาจนดินฝุ่นตลบ” คือเมื่อมันใช้เท้าหน้าของมันกระทืบลงไปบนพื้นดินแล้วก็ทำให้ดินฝุ่นตลบขึ้นมา
และคำกล่าวของพวกเขา(ชาวอาหรับ)ที่ว่า “นกกระจอกเทศได้ปรับพื้นดินให้ราบเรียบเพื่อวางไข่” และคำว่า อัดดะหฺวุ ก็มีความหมายเดียวกันกับคำว่า อัฏเฏาะหฺวุ ก็คือ การแผ่สิ่งหนึ่งให้ราบเรียบออกไป (ดังเช่นพระดำรัสที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า)
((وَالْأَرْضِ وَمَا طَحَاهَا))
ความว่า “และ(อัลลอฮฺได้ทรง)สาบานด้วยผืนแผ่นดิน และที่พระองค์ทรงแผ่มัน” (ซูเราะฮฺ อัชชัมส์ อายะฮฺที่6 )
และนักกวีอาหรับได้กล่าวว่า
طَحَا بِكَ قَلْبٌ فِي الْحِسَانِ طَرُوبُ
ความว่า “ใจเจ้าที่หวั่นไหว ในความสวยความงาม พัดพา(ฏ่อฮา) เจ้าเตลิดไปไกล”
(อันดับที่สอง)
และในตำรา มัวะอฺญัม มะกอยีส อัลลุเฆาะฮฺ ได้ระบุไว้ว่า องค์ประกอบของคำว่า “ดะหฺว์” นั้นมาจาก อักษรสามตัว คือ ดาล หาอฺ และวาว หมายถึง การแผ่และปรับให้ราบเรียบ ดังที่มีคำกล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ทรงทำให้แผ่นดินนั้นดะหฺว์ คือทำให้มันแผ่ราบเรียบ
และคำกล่าวที่ว่า “สายฝนนั้นได้ดะหฺว์(พัด)กรวดหินออกไปจากผืนแผ่นดิน และเพราะเหตุนี้ก็เท่ากับว่าสายฝนนั้นได้ปรับผืนแผ่นดินให้มันราบเรียบหมดจด(ด้วยการขจัดพัดพากรวดหินออกไป)
และดังที่มีคำกล่าวสำหรับม้าเมื่อมันย่ำเท้าของมันลงไปบนพื้นดินแล้วกีบเท้าของมันไม่ยกสูงขึ้นจากพื้นดินมากนักว่า “มันได้ทำให้พื้นดินราบเรียบ”(ด้วยการย่ำเท้าของมันลงไปบนพื้นดิน)
และหนึ่งในความหมายของคำๆนี้ ก็คือ คำว่า อุดฮียุนนะอามะฮฺ แปลว่า “สถานที่ๆนกกระจอกเทศได้กกไข่ของมัน” เนื่องจากว่าก่อนที่มันจะวางไข่นั้น มันจะกระทืบเท้าบนพื้นดินเพื่อทำให้พื้นราบเรียบเสียก่อนจึงค่อยวางไข่บนพื้นนั้น เพราะนกกระจอกเทศไม่มีรังไข่
(อันดับที่สาม)
และในตำราลิซานุ้ลอะร็อบ ระบุไว้ว่า องค์ประกอบของคำว่า “ดะหฺว์” นั้นมาจากคำกริยา “ดะหา” แปลว่า แผ่ให้ราบเรียบ เช่นคำกล่าวที่ว่า “(อัลลอฮฺ)ทรงทำให้แผ่นดินนั้นแผ่ราบเรียบ”
และท่านฟัรรออฺได้กล่าวว่า “จากพระดำรัสที่อัลลอฮฺตรัสว่า “และหลังจากนั้นทรงทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบเรียบ” (ซูเราะฮฺอันนาซิอาต อายะฮฺที่ 30) ก็คือทรงทำให้มันราบเรียบ
และคำว่า อัลอุดฮีย์ หมายถึง ที่วางไข่ของนกกระจอกเทศซึ่งอยู่บนพื้นทราย เนื่องจากว่า นกกระจอกเทศก่อนที่จะวางไข่นั้น มันจะกระทืบเท้าของมันบนพื้นดินเพื่อปรับให้พื้นราบเรียบเสียก่อนจึงค่อยวางไข่ลงไป
และอัลฟัรรออฺได้ยกคำกล่าวของท่านอิบนุอุมัรที่กล่าวว่า “แล้วสายน้ำก็ได้***ไหลทะลัก***เข้าไปในที่ราบลุ่มนั้น” ในที่นี้ ดะหฺว์หมายถึง ขว้าง หรือ โยน
_____________________________
***หมายเหตุ คำอธิบายเสริมจากผู้แปลถ่ายทอดนอกเหนือจากข้อความในตำรา
เนื่องจากในภาษาไทยจะไม่ใช้คำว่าโยน หรือ ขว้างกับสายน้ำ ผู้แปลถ่ายทอดจึงใช้คำว่า ไหลทะลักเนื่องจากมีความหมายและคุณลักษณะตรงกัน แต่ในทางภาษาอาหรับจะใช้คำว่า โยน หรือขว้างกับสายน้ำ จึงอธิบายให้ผู้อ่านได้รับทราบถึงความต่างนี้)
_____________________________________
และอัลฟัรฺรออฺได้กล่าวว่า ท่านสะอีด บุตรของอัลมุสัยยิบได้ถูกสอบถามถึงการขว้างหิน(การละเล่นชนิดหนึ่ง) ท่านตอบว่า เล่นได้ ไม่เป็นไร หมายถึง การเล่นขว้างหินและการแข่งขันกัน(ในการขว้างหิน)
และมีรายงานจากท่านอิบนุ้ลอะอฺรอบีย์ว่าเขาเล่นขว้างหิน และคำว่า ดาฮีย์ ก็คือผู้ที่โยนหรือขว้างหินในมือของเขา
และจากบทกลอนที่ได้ถูกขับขานให้แก่เอาซฺ บุตรของหะญัรฺ
يَنْزِعُ جِلْدَ الْحَصَى أَجَشُّ مُبْتَرِكٌ … كَأَنَّهُ فَاحِصٌ أَوْ لَاعِبٌ دَاحٍ
ความว่า “ฝนฟ้าอันจำเริญ ชำระล้าง(พัดพาสิ่งสกปรกไป) จากผิวหิน ดุจประหนึ่งว่ามันคือผู้พลิกๆฝุ่นดิน หรือคนเล่นดาฮิน(ของเล่นเด็กชนิดหนึ่ง เป็นไม้หรือผ้ากลมๆ โยนลงหลุม) ก็มิปาน”
และในคำกล่าวของอบูรอเฟียะอฺที่กล่าวว่า “ครั้งหนึ่งฉันได้เล่นมะดาฮีย์กับหะซันและหุซัยนฺ”(ลูกชายทั้งสองของท่านอะลี บุตรของ อบูฏอลิบ)
มะดาฮีย์หมายถึง การละเล่นชนิดหนึ่ง โดยใช้หินก้อนเล็กๆขนาดใกล้เคียงกับชิ้นขนมปังก้อนกลมๆเล็กๆ โดยที่ผู้เล่นต้องขุดหลุมขึ้นมาหลุมหนึ่งแล้วต้องขว้างหินเหล่านั้นให้ลงหลุม และผู้ใดที่สามารถขว้างหินลงหลุมนั้นได้ถือว่าเขาเป็นผู้ชนะ ส่วนผู้ที่ขว้างหินไม่ลงหลุมถือว่าเขาเป็นผู้แพ้
และคำว่า อัดดะหฺว์นั้นหมายถึง การขว้างก้อนหินหรือลูกวอลนัทหรือสิ่งอื่นๆ(ที่คล้ายคลึงกัน)ของผู้เล่น(แข่งขว้างหิน)
(เชคอะฏียะฮฺ ซาลิม กล่าวว่า) และการละเล่นขว้างหินที่เจ้าของตำราลิซานุ้ลอะร็อบ(อิบนุมันซูรฺ)ได้เล่าถึงโดยอ้างอิงจากคำกล่าวของอบูรอเฟียะอฺนั้นก็ยังคงมีอยู่ที่นครมะดีนะฮฺจวบจนปัจจุบันนี้ โดยมีชื่อเรียกว่า อัดดะหฺล์ (แผลงมาจากคำว่า อัดดะหฺว์) โดยมีลักษณะการเล่นเหมือนเดิมทุกประการ
และหลังจากที่ได้หยิบยกตำราทางภาษาดั้งเดิม รวมถึงคำอธิบายของบรรดานักอธิบายอัลกุรอานมาอ้างอิงแล้ว ปรากฏว่าพวกเราก็ได้มาเผชิญกับการโต้แย้งระหว่างนักดาราศาสตร์ และนักวิชาการด้านอื่นๆ เกี่ยวกับประเด็นรูปทรงของโลก
ซึ่งเราหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือให้สำเร็จด้วยความโปรดปรานจากอัลลอฮฺในการชี้แจงความจริงในเรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ไม่มีใครคิดเดาเอาว่าอัลกุรอานมีการย้อนแย้งกับสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์จากหลักดาราศาสตร์ และเพื่อที่คนไม่รู้จะได้ไม่หลงคล้อยตามคำกล่าวที่แอบอ้างต่ออิสลาม(อย่างผิดๆ)
และเมื่อพิจารณาไปยังคำอธิบายของบรรดานักอธิบายอัลกุรอาน เราจะพบว่า.
และเมื่อพิจารณาไปยังคำอธิบายของบรรดานักอธิบายอัลกุรอาน เราจะพบว่าทั้งหมดนั้นล้วนแต่เห็นพ้องต้องกันทั้งสิ้นว่า คำว่า “ดะหาฮา” นั้น หมายถึง การปรับพื้นแผ่นดินให้ราบเรียบเหมาะสมและสะดวกง่ายดายในการดำรงชีวิต โดยแจกแจงถึงปัจจัยต่างๆที่จำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่บนโลก นั่นก็คือ การที่พระองค์ทรงให้มีน้ำผุดขึ้นมาจากแผ่นดิน และมีทุ่งหญ้างอกเงยขึ้นมา รวมถึงทำให้เทือกเขาตั้งตระหง่าน
ซึ่งความหมายนี้สอดคล้องกับตัวบทหลักฐานจากอัลกุรอาน(ในอายะฮฺอื่นๆ)ที่อัลลอฮฺตรัสว่า
(( أَلَمْ نَجْعَلِ الْأَرْضَ مِهَادًا وَالْجِبَالَ أَوْتَادًا ))
ความว่า “เรามิได้ทำให้แผ่นดินแผ่ราบหรอกหรือ และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้หรอกหรือ” ซูเราะฮฺ อันนะบะอฺ อายะฮฺที่ 6-7
และพระดำรัสที่อัลลอฮฺตรัสว่า
((هُوَ الَّذِي جَعَلَ لَكُمُ الْأَرْضَ ذَلُولًا فَامْشُوا فِي مَنَاكِبِهَا وَكُلُوا مِنْ رِزْقِهِ ))
ความว่า “พระองค์คือผู้ทรงทำให้แผ่นดินราบเรียบสำหรับพวกเจ้า ดังนั้นจงสัญจรไปตามขอบเขตของมัน และจงบริโภคจากปัจจัยยังชีพของพระองค์” ซูเราะฮฺ อัลมุลกฺ อายะฮฺที่ 15
และอายะฮฺทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีความหมายไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น นั่นก็คือ หมายถึง การปรับแผ่นดินให้ราบเรียบเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตบนนั้น และไม่ได้มีความหมายว่า “ม้วนเป็นทรงกลม” หรือ “ทำให้มีรูปทรงกลม” แต่อย่างใดเลย
และเมื่อเรากลับไปค้นคว้า(ความหมายของคำว่า ดะหาฮา)จากตำราภาษาทุกๆเล่ม เราจะพบว่า ตำราภาษาทั้งหมดเหล่านั้นล้วนแต่บ่งบอกว่าความหมายของคำว่า(อัดดะหฺว์ หรือดะหาฮา)นั้นหมายถึง การแผ่ให้ราบเรียบ ,การโยนขว้าง, การขจัดให้หายไป, การปรับให้ราบเรียบ
ดังนั้น คำว่า แผ่ราบเรียบ(อัลบัสฏ์), การปรับให้ราบเรียบ(อัตตัมฮีด) และการขว้างหินเม็ดกลมลงไปในหลุมเล็กๆ ล้วนแต่มีความหมายที่สอดคล้องร่วมกันทั้งสิ้น โดยที่ทั้งสามคำนี้ล้วนแต่อธิบายคำว่า”ดะหาฮา” ว่าหมายถึง การแผ่และปรับแผ่นดินให้ราบเรียบ
และคำว่า อัลอุดฮียะฮฺนั้นหมายถึง สถานที่ๆวางไข่ของนกกระจอกเทศ มิได้หมายถึง”ไข่นกกระจอกเทศ”อย่างที่พวกเขากล่าวกัน
และสาเหตุที่เรียกสถานที่วางไข่ของนกกระจอกเทศว่า อัลอุดฮียะฮฺ ก็เนื่องจากว่านกกระจอกเทศนั้นก่อนที่มันจะวางไข่ มันจะกระทืบเท้าบนพื้นเพื่อปรับพื้นดินให้ราบเรียบเสียก่อนแล้วจึงวางไข่ลงไปบนนั้น ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันไม่มีรังไข่นั่นเอง
และจากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ปรากฏว่าไม่มีหลักฐานใดๆเลยจากตำราภาษาอาหรับที่ยืนยันว่า อัดดะหฺว์(หรือดะหาฮา)แปลว่า ทำให้เป็นรูปทรงกลม
จบการอ้างอิง
_________________________________________
โดยประเด็นของความหมายคำว่า”ดะหาฮา”ในทางตัฟซีร(การอธิบายอัลกุรอาน)และทางภาษาจบลงแต่เพียงเท่านี้ (อ้างอิงจากตำรา ตะติมมะฮฺ อัฎวาอฺ อัลบะยาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 32-37)
ส่วนหลังจากนี้เชคได้นำเสนอประเด็นที่มีการถกกันว่าโลกกลมนั้นจริงเท็จหรือไม่ ซึ่งท่านก็ได้อธิบายและชี้แจงต่อไป ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นการอธิบาย(ตัฟซีร)ความหมายของคำว่า”ดะหาฮา”ที่ได้เสร็จสิ้นและได้ข้อสรุปดังที่ได้นำเสนอไป
หากท่านใดประสงค์จะอ่านเพื่อศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นอื่นๆเหล่านั้น สามารถอ่านได้จากตำรา ตะติมมะฮฺ อัฎวาอฺ อัลบะยาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 37-42
บทสรุปและผลลัพธ์ต่างๆของการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการในประเด็นนี้จากตำราตะติมมะฮฺ อัฎวาอฺ อัลบะยาน
หลังจากที่ได้นำเสนอคำแปลข้อเท็จจริงของความหมายคำว่า “ดะหาฮา” ในซูเราะฮฺอันนาซิอาต อายะฮฺที่ 30 โดยอ้างอิงมาจากตำราอัฎวาอุ้ลบะยาน ผู้แปลขอสรุปผลลัพธ์ต่างๆที่สำคัญในประเด็นนี้ ได้แก่
1.คำว่า “ดะหาฮา” ในซูเราะฮฺอันนาซิอาต อายะฮฺที่ 30 นั้นมีรากศัพท์ทางภาษามาจากคำว่า “ดะหา” หรือ อัดดะหฺว์ ซึ่งมีความหมายทางภาษาดังนี้
• การแผ่ให้ราบ(อัลบัสฏ์)
• การปรับให้เรียบ(อัตตัมฮีด)
• การขว้าง,โยน (อัรร็อมย์)
• การขจัดสิ่งหนึ่งให้หายไป(อัลอิซาละฮฺ)
2.ไม่มีตำราทางภาษาอาหรับของแท้ดั้งเดิมใดๆที่ยืนยันว่า “ดะหาฮา” แปลว่า “พระองค์อัลลอฮฺทรงทำให้โลกเป็นทรงกลม”(รวมถึงทรงไข่และทรงไข่นกกระจอกเทศด้วยเช่นกัน)
รวมถึงไม่มีทางภาษาอาหรับของแท้ดั้งเดิมใดๆที่ยืนยันว่าอัดดะหฺว์ แปลว่า วงกลม หรือ ไข่ เช่นกัน
3.อาจจะมีผู้สงสัยหรือโต้แย้งว่า มีตำราทางด้านภาษาอาหรับบางเล่มยืนยันว่า “ดะหาฮา” แปลว่า “พระองค์(อัลลอฮฺ)ทรงทำให้โลกเป็นทรงกลม(รวมไปถึงทรงไข่และทรงไข่นกกระจอกเทศด้วยเช่นกัน)” หรือ อัดดะหฺว์ แปลว่า “วงกลม”หรือทำให้เป็นทรงกลมด้วยเช่นกัน
ซึ่งผู้แปลขอชี้แจงดังนี้
ประการที่หนึ่ง
ตำราทางภาษาที่ระบุว่า “อัดดะหฺว์” มีความหมายว่า ทรงกลมหรือไข่นั้น ล้วนแต่เป็นตำราทางภาษาร่วมสมัยที่เพิ่งบัญญัติความหมายว่าวงกลมหรือทำให้เป็นทรงกลมเข้าไปในยุคสมัยใหม่นี้เอง
ดังนั้นความหมายใหม่นี้จึงไม่เป็นที่รู้จักในความเข้าใจของนักภาษาอาหรับผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ในยุคอดีต
และไม่เป็นที่ยอมรับของนักวิชาการตัฟซีรชั้นอาวุโสดังเช่น เชคอะฏียะฮฺ ซาลิม
รวมถึงตำราอัลมุนญิด ที่เรียบเรียงโดยบาทหลวงคาทอลิคนามว่าหลุยส์ มะอฺลูฟ ชาวเลบานอน ซึ่งไม่นับว่าตำราเล่มนี้เป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการศาสนาโดยเฉพาะในเรื่องการอธิบายอัลกุรอาน เนื่องจากเป็นตำราของต่างศาสนิก
และตำราเล่มนี้ยังมีข้อผิดพลาดมากมายในทางศาสนา ซึ่งนักวิชาการศาสนาไม่แนะนำให้นักค้นคว้าใช้ตำราเล่มนี้ โดยให้หันไปใช้ตำราทางภาษาเล่มอื่นๆที่เรียบเรียงโดยนักวิชาการมุสลิมด้านภาษาอาหรับที่มีความชำนาญ เช่น ลิซานุ้ลอะร็อบ, มัวะอฺญัม มะกอยีซ อัลลุเฆาะฮฺ ฯลฯ
ประการที่สอง
ตำราทางด้านตัฟซีร(อธิบายอัลกุรอาน)ที่น่าเชื่อถือต่างให้ความหมายของคำว่า “ดะหาฮา”ไว้ดังนี้
• พระองค์อัลลอฮฺทรงแผ่ผืนแผ่นดินให้ราบเรียบ (อัลบัสฏ์)
• ทำให้มีน้ำผุดออกมาจากแผ่นดินรวมถึงมีทุ่งหญ้างอกเงยขึ้นมาจากแผ่นดิน ซึ่งเป็นการอธิบายคำว่า”ดะหาฮา”ด้วยอายะฮฺถัดมาหลังจากนั้น(การอธิบายอัลกุรอานด้วยอัลกุรอาน)
และไม่มีตำราตัฟซีรใดที่น่าเชื่อถือและเป็นตำราแท้ดั้งเดิมตั้งแต่อดีต เช่น ตำราตัฟซีรอัฏฏ่อบะรีย์, ตัฟซีรอิบนุกะษีร, เรื่อยมาจนถึงยุคร่วมสมัย เช่น ตัฟซีรเชคสะอฺดีย์ , ตัฟซีรเชคอัลอุษัยมีน
ไม่มีเล่มใดเลยที่อธิบายความหมายของคำว่า”ดะหาฮา”ว่า อัลลอฮฺทรงทำให้โลกมีรูปทรงกลม หรือมีรูปทรงไข่ หรือมีรูปทรงไข่นกกระจอกเทศ
นอกจากบุคคลต่อไปนี้
• ผู้แอบอ้างตนเป็นนบีอย่าง รอชาด ค่อลีฟะฮฺ
• กลุ่มก็อดยานีย์สายร็อบวะฮฺ
• นักวิชาการมุสลิมร่วมสมัยบางท่าน เช่น มุฮัมมัด ญะมีล ฆอซีย์ , มุตะวัลลีย์ อัชชะอฺรอวีย์, นัวะอฺมาน อะลีคาน, นะซีฮฺ อัลก่อมีฮา(นักวิชาการสายชีอะฮฺ) โดยที่บางท่านก็ไม่ได้เป็นนักวิชาการที่สามารถอ้างอิงความรู้ในเรื่องการอธิบายอัลกุรอานได้ อาทิ เช่น ซากิรไนค์ เนื่องจากซากิรไนค์ไม่มีความรู้ภาษาอาหรับพอเพียงที่จะค้นคว้าและไม่ได้เป็นนักวิชาการด้านการอธิบายอัลกุรอาน(ตัฟซีร)เพราะเขาเป็นเพียงหมอคนหนึ่งที่ทำงานเผยแผ่อิสลามที่ยังไม่ถึงขั้นปราชญ์อาวุโสที่อ้างอิงทางวิชาการศาสนาได้
4.ตำราตัฟซีรอัฎวาอุ้ลบะยานเป็นหนึ่งในตำราตัฟซีรที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากจุดเด่นของตำราเล่มนี้คือ เน้นการอธิบายอัลกุรอานด้วยอัลกุรอาน ซึ่งถือเป็นสุดยอดแนวทางในการอธิบายอัลกุรอาน
และเป็นตำราที่บรรดานักวิชาการตัฟซีรและคณาจารย์ในระดับการศึกษาชั้นสูงต่างให้การยอมรับในด้านเนื้อหาวิชาการ รวมถึงในการอ้างอิงเป็นข้อมูลที่สำคัญทางด้านการอธิบายอัลกุรอานด้วยเช่นกัน
5.เชคอะฏียะฮฺ มุฮัมมัด ซาลิม เป็นหนึ่งในปราชญ์แนวทางสลัฟชั้นอาวุโสที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งในโลกอิสลาม โดยเฉพาะการได้รับเกียรติให้สอนในมัสยิดนบี ณ นครมะดีนะฮฺครั้งเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
และท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายๆสาขาวิชาด้านศาสนา โดยเฉพาะในการอรรถาธิบายอัลกุรอานที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในสังคมนักวิชาการอิสลาม
หากท่านใดต้องการทราบประวัติของท่านอย่างละเอียดสามารถเข้าไปสืบค้นได้ในเว็บไซต์ด้านล่างนี้
https://shamela.ws/index.php/author/1028
ซึ่งคงต้องสงวนไว้ให้เฉพาะท่านที่เข้าใจภาษาอาหรับเท่านั้น เนื่องจากว่าประวัติของท่านถูกนำเสนอเป็นภาษาอาหรับ
วัลลอฮฺ อะอฺลัม
ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีงามให้ทุกท่านที่ร่วมติดตามอ่านเพื่อแสวงหาความจริงในประเด็นนี้ และหวังว่าเราและท่านทั้งหลายจะได้รับการชี้นำจากอัลลอฮฺสู่แนวทางที่ถูกต้องในประเด็นนี้และในทุกๆเรื่องของศาสนาอิสลามอันถูกต้องและอย่าได้ถูกล่อลวงให้หันเหไปสู่ความหลงผิดทั้งปวงด้วยเถิด อามีน
โพสต์จาก อ.ยะห์ยา หัสการบัญชา